วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สุดยอด 'ทะเลแหวก..เมืองไทย' ไม่ไป..ไม่รู้

Havilahs.com/Travel-01/TH


สุดยอด 'ทะเลแหวก..เมืองไทย' ไม่ไป..ไม่รู้


สุดยอด 'ทะเลแหวก..เมืองไทย' ไม่ไป..ไม่รู้

สุดยอด 'ทะเลแหวก..เมืองไทย' ไม่ไป..ไม่รู้

หนีร้อนไปเที่ยวเกาะภาคใต้กับสุดยอดทะเลแหวกของเมืองไทยที่ใครไม่เคยไป ก็จะไม่รู้ว่ามันดีแค่ไหน
หาดมังกร จ.สตูล
ทะเลแหวกสันหลังมังกร (The Miracle Satun) จัดเป็นความมหัศจรรย์ของท้องทะเลอันดามัน ด้วยการเดินบนสันหลังมังกรที่คดเคี้ยว มีระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ในยามน้ำทะเลลดลงก็จะทำให้สันทรายโผล่ขึ้นมา ซึ่งบนสันทรายจะเต็มไปด้วยเปลือกหอย นับล้านๆ ตัว ที่ทับถมกันอยู่ จนทำให้เกิดเป็นสันหลังมังกร สามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือหางยาวนำเที่ยวจากท่าเรือบ้านบากันเคย ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ที่ตั้ง : ม.1 ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล จ.สตูล
ขอบคุณข้อมูล จาก http://www.satunpao.go.th/
เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี
เกาะพงัน นอกจากจะมีท้องทะเลที่สวยงามและ Full Moon Party ที่โด่งดังแล้ว บนเกาะแห่งนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงามอีกหนึ่งอย่าง คือปรากฏการณ์ทะเลแหวก หรือบางคนจะเรียกว่าทะเลแหวกเกาะพงัน ซึ่งจะอยู่ที่อ่าวแม่หาด เป็นการเชื่อมกันของสันทรายระหว่างเกาะพะงันและเกาะม้า 
ที่ตั้ง : อ.เกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 
ขอบคุณข้อมูล จาก http://com2ine.com/
เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานี
ทะเลแหวกเกาะนางยวน เป็นเกาะที่เชื่อมต่อเกาะขนาดเล็ก 3 เกาะไว้ด้วยกัน จนทำให้เกิดทะเลแหวก ณ จุดนี้ นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำชมปะการัง เพราะเป็นแหล่งดำน้ำชื่อดัง  
ที่ตั้ง : จ.สุราษฎร์ธานี
ขอบคุณข้อมูล จาก  https://th.wikipedia.org/wiki/เกาะนางยวน
หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี  จ.กระบี่
ทะเลแหวกหาดนพรัตน์-หมู่เกาะพีพี ประกอบไปด้วยหมู่เกาะปอดะ ที่จะมีหาดทรายที่ขาวสะอาด และนักท่องเที่ยวจะได้กับความมหัศจรรย์ของเกาะปอดะ  ที่จะเชื่อมเกาะ 3 เกาะไว้ด้วยกัน โดยมีหาดทรายเชื่อมกันไว้ ได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่ จนทำให้เกิดทะแลแหวกที่มความสวยงาม
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
ภาพประกอบ จาก http://park.dnp.go.th/visitor/scenicshow.php?id=1314

ล่องเรือ 'ทะเลสาบฮาลาบาลา' ชมความงามแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน

Havilahs.com/Travel-01/TH

ล่องเรือ 'ทะเลสาบฮาลาบาลา' ชมความงามแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน


ล่องเรือ 'ทะเลสาบฮาลาบาลา' ชมความงามแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน

ล่องเรือ 'ทะเลสาบฮาลาบาลา' ชมความงามแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน

LET'S GO ON A BUDGET
Story & Photo : Tiwakorn Jantapoon
จังหวัดยะลาในความคิดของเราอาจไม่ได้สวยงามเหมือนจังหวัดอื่นๆ ซึ่งแน่นอนถ้าเอ่ยถึงจังหวัดยะลาเมื่อไรสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคงไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวหรอก เพราะกระแสข่าวความไม่สงบกลบความงามที่ซ่อนอยู่ของยะลาไปหมด และตัวผมเองนอกจากเบตงแล้วก็แทบไม่รู้จักที่เที่ยวอะไรในยะลาเลย ด้วยเหตุผลนี่แหละที่ทําาให้ผมตัดสินใจไปค้นหาความงามของแผ่นดินไทยปลายด้ามขวาน เรียกได้ว่าตะลุย 3 จังหวัดชายแดนใต้ 4 คืน 5 วัน ส่วนเรื่องราวที่ผมจะมาบอกเล่านี้เป็นแค่ทริปย่อยในการตะลุย 3 จังหวัดชายแดนของผมนั่นก็คือ ทริปล่องเรือฮาลาบาลาทริปนี้เกิดขึ้นจากการชักชวนโดยเพื่อนของผมเอง หลังจากเพื่อนชวนก็ค่อนข้างลังเล 50-50 ว่าจะไปหรือไม่ไป แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงเพื่อนว่าไป ด้วย 2 เหตุผล คือ เพื่อนเคยไปแล้วครั้งหนึ่งและปลอดภัยกลับมา ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลผมรู้จักคนในพื้นที่และพี่เค้าก็อาสาพาทัวร์ ก่อนจะเข้าทริปล่องเรือฮาลาบาลา ลองมาทําความรู้จักกันก่อนนิดนึง “ฮาลาบาลา” หรือบางคนเรียกบาลาฮาลา อันเดียวกันนะ เป็นป่าดิบชื้น ผืนใหญ่ที่สุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพื้นที่ประมาณ 800,000 ไร่
มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.เบตง จ.ยะลา ยาวไปจนถึง อ.สุคิริน อ.แว้ง อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และแนวเขตแดนที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย อีกทั้งยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ผมจะพาทุกคนไปล่องเรือกินลมชมวิวนั่นเองผมเดินทางจากปัตตานีมายัง ท่าเรือตาพะเยา อําาเภอธารโต จังหวัดยะลา ด้วยรถส่วนตัว พอคุยกับคนขับเรือตกลงเรื่องราคาเรียบร้อยก็ถึงเวลากระโจนลงเรือไปชมความงามของกันครับ ระยะเวลาที่ใช้ในการล่องเรือขึ้นอยู่กับเราเลยครับว่าจะใช้แต่ละจุดมากน้อยแค่ไหนล่องเรือฮาลาบาลาจะมี 3 จุดหลักที่คนขับเรือจะพาเราไปแวะชม จุดแรกจะเป็น เกาะทวด เกาะน้ำจืดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบฮาลาบาลา ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงเกาะทวด บนเกาะจะเป็นที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวด ถ้าดูจากจําานวนคนที่มาแก้บนวันที่ผมไปก็เชื่อได้เลยว่าที่นี่ให้โชคจริง บนเกาะไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่แวะเวียนเข้ามา ยังมีต่างชาติจําานวนมากที่มาที่นี่ โดยเฉพาะกับชาวมาเลย์และสิงคโปร์ ที่ศรัทธามากถึงขนาดเหมาเรือมาไหว้พระแล้วก็กลับ เนื่องจากเกาะทวดเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กมากจึงไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่แวะเวียนเข้ามาเฝ้าดูแลนอกจากบนเกาะจะมีสิ่งศักสิทธิ์ให้กราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีเรือคายัคให้ทุกคนพายเล่นกันอีกด้วย จุดที่สอง จุดนี้จะมีน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินลงมาที่ทะเลสาบ และจุดที่สองน่าจะเป็นจุดที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะเราสามารถเล่นนําาตก โดดนําา ได้เรื่อยๆ จนพอใจ พอเหนื่อยเพลียจากการเล่นน้ำตกเรือก็พาผมแล่นชมธรรมชาติสองข้างทางมายังจุดสุดท้ายนั่นก็คือจุดชมสะพานใหม่ สะพานขนาดใหญ่ที่สร้างไว้เชื่อมต่อสองฝั่งของทะเลสาบ อิ่มกับความงาม เซลฟี่ เก็บภาพเป็นที่ระลึกเรือก็จะวนพาเรามาส่งที่จุดเดิม เป็นอันจบภารกิจนั่งเรือชมวิวทะสาบฮาลาบาลา สุดท้ายผมอยากจะฝากบอกทุกคนว่าสามจังหวัดไม่ใช่พื้นที่โหดร้าย ที่นี่ยังมีที่ท่องเที่ยวสวยๆ อีกมากมายที่รอให้ทุกคนแวะเวียนไปสัมผัส
ค่าใช้จ่าย
+ค่าล่องเรือ : เหมาลําา 500 บาท/4คน
+การเดินทาง : จากตัวเมืองยะลา ใช้ถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ถึง ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลาด้วยระยะทางประมาณ 80 กม.
สนับสนุนข้อมูล โดย
Weekend


เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน..ลุย 'ป่าปงเปียง' แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่

Havilahs.com/Travel-01/TH


เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน..ลุย 'ป่าปงเปียง' แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่



เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน..ลุย 'ป่าปงเปียง' แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่

เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน..ลุย 'ป่าปงเปียง' แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่

พาไปดอทคอม
สนับสนุนเนื้อหา
กำลังจะเริ่มเข้าหน้าฝน เลยเอาที่เที่ยวที่เหมาะกับหน้าฝนมาฝากครับ ไปมาเมื่อช่วงกันยายนปีที่แล้วครับ กำลังเขียวได้ที่ ใครไม่กลัวฝน วางแผนไปเลยครับ การเดินทางไปค่อนข้างลำบากครับ แต่ไม่ยากเกินความสามารถ ใครที่ชอบความสดชื่นของป่า
ความสดชื่นของไอหมอก อย่ารอครับ วางแผนไปกันเลย ฟ้าหลังฝนมันสดใสจริงๆครับ และยิ่งช่วงนั้นกำลังอินกับหนังเรื่อง ฟรีแลนซ์ เปิดเพลงวนไปวนมา มันได้อารมณ์มาก นี่คือแผนการเที่ยวของผมที่ทำไว้ตอนนั้น เอาไปปรับใช้กันได้ครับ
วันที่ 1
-21.30 พร้อมกันที่หมอชิต ราคาค่าตั๋ว 488 บาท ไปสองคน
-22.05 รถออกจากหมอชิต
วันที่ 2
-07.35 ถึงสถานีขนส่งอาเขต ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
-08.00 นั่งรถสองแถวแดงไปประตูเชียงใหม่ (ค่ารถ20-30 บาท)
-08.30 ถึงประตูเชียงใหม่ ที่ประตูเชียงใหม่จะมีร้านขายข้าวซอย สั่งข้าวซอยกินสักชามแล้วค่อยไปต่อครับ
-09.00 นั่งสองแถวสีเหลืองสายเชียงใหม่-จอมทอง(ราคา 35 บาท)
-10.00 ถึงจอมทอง ต้องลงรถที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง เพื่อต่อรถสายจอมทอง-แม่แจ่ม
-10.30 นั่งสองแถวสายจอมทอง-แม่แจ่ม ราคา 80 บาท บอกคนขับว่า ลงก.ม. ที่ 26 บ้านแม่กลางหลวง
-รถจะรอจนคนเต็มรถก่อนรถถึงจะออกแต่เท่าที่ไปวันนั้นรถยังไม่ออกนะครับ แม้คนจะเต็มรถแล้ว ที่ถูกต้องผมควรจะบอกว่ารถจะรอจนคนล้นรถก่อนรถถึงจะออก 555แซวเล่นครับ
-11.30 ถึงแม่กลางหลวง เดินเข้าที่พักไม่ไกลมาก ราวๆ 500 เมตร
-12.00 เช็คอิน เข้าที่พัก พักที่โฮมสเตย์บ้านแม่กลางหลวง พี่สมศักดิ์ โทร 081 960 8856 , 08 1760 5181 ราคาหลังละ 500-1200 บาท บ้านที่ผมพักจะมีลำธารสายเล็กๆไหลผ่าน ด้วยครับ อากาศเลยจะเย็นเป็นพิเศษ สบายมากครับ ในละแวกนี้จะมีที่เที่ยว เยอะครับ นาขั้นบันได น้ำตก ร้านกาแฟทั้งสมัยใหม่และเก่า เดินเที่ยวได้ทั้งวันครับ ร้านกาแฟที่นี่บรรยากาศน่านั่งมากครับ ที่สำคัญคือแม้จะ อยู่ในป่าเขาแต่สัญญาณ WIFI แรงมาก
-21.00 เข้านอน
วันที่ 3
-07.00 ตื่นเช้า เดินชมบรรยากาศรอบๆ
-10.00 เช็คเอ้า ออกจากที่พัก เดินทางต่อไปยังป่า ปงเปียง การเดินทางไปจะมี 2 เส้นทางครับ
1. ใช้เส้นทางจากแม่แจ่ม ดังนั้นต้องนั่งสองแถวสายเดิมที่นั่งมา ไปลงแม่แจ่ม แล้วเช่ารถ หรือ เหมารถให้ไปส่งที่ป่าปงเปียง วิธีนี้คนจะนิยมใช้เพราะสภาพถนนใช้ได้ ไม่ทรหดมาก แต่มีข้อเสียคือไกล
2.ใช้เส้นทางลัด คือเข้าทางน้ำตกแม่ปาน บนดอยอินทนนท์ครับ ตามแผนที่วางไว้ผมเลือกใช้เส้นทางที่1 แต่ด้วยความที่รอรถสองแถวนาน ผมเลยลองโบกรถที่ผ่านมากะว่าโชคดีอาจได้ติดรถชาวบ้านไป ซึ่งก็โชคดีอย่างที่คิดครับ มีชาวบ้านจอดรับ แล้วจอดให้ผมลงตรงปากทางเข้าน้ำตก
-11.30 โทรหาเจ้าของห้องพักที่จองไว้ให้มารับ เจ้าของใจดีมารับครับ แต่ให้รอก่อนเพราะรถที่จะใช้มารับไม่อยู่ ผมจึงเดินเล่นไปก่อน สักพักมีรถขับผ่านมาครับ ผมก็เลยโบกๆๆๆ สุดท้ายปรากฏว่า พี่เขาผ่านทางนั้นพอดีครับ 555 สบายเรา
พี่ที่จอดรับผมเขาทำงานร่วมกับแพทย์อาสา พอดีสัปดาห์หน้าจะมีหน่วยแพทย์อาสาลงพื้นที่ พี่เขาเลยต้องมาสำรวจเส้นทางก่อน สัปดาห์หน้าพี่เขาจะได้พาแพทย์มาลงพื้นที่ ง่ออออ เท่มากๆเลยอะ
เส้นทางที่สองนี้ทางไม่ค่อยดีนะครับ รถธรรมดาไม่แนะนำให้มาเด็ดขาด อันตรายมาก โชคดีที่รถที่ผมนั่งมาเป็นรถโฟร์วิล พี่คนขับรถก็คุ้นเคยกับเส้นทางแนวนี้เลยหายห่วงครับ
-12.20 ถึงป่าปงเปียง
-12.30 เช็คอินเข้าที่พัก (พักที่ วีรศักดิ์โฮมสเตย์) ชอบพี่เขามากครับ ประทับใจ อยากให้ไปพักกันเยอะๆ โทร 093 074 2686 เป็นบ้านหลังเดียวแต่ใหญ่มากน่าจะพักได้ประมาณ 6-10 คนเลย ที่พักที่นี่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆถ้าเทียบจากเมื่อก่อน ยังไงถ้าที่นี่เต็มจะไปพักที่อื่นก็ลองถามได้จากพี่ วีรศักดิ์ได้ครับ ตั้งแต่เช้าได้กินแค่ข้าวต้ม เลยหิวมากครับ พี่ที่เป็นเจ้าของที่พักเลยจัดการทำกับข้าวมาให้ ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในรายการค่าที่พักนะครับ แต่คนไทยใจดีครับ พี่เขาทำมาให้เรากินฟรีครับ รักเลย ค่าที่พัก 500 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (ขอผมพิเศษ 3 มื้อครับ) ผมจ่ายให้พี่เขาเพิ่มเพราะประทับใจในบริการ แต่พี่เขาปฏิเสธไม่รับครับ ได้ใจไปอีกกกกกก
-13.30 ที่นี่อากาศจะเย็นทั้งวันครับ ที่เที่ยวที่นี่มีที่เดียวคือ นาขั้นบันได แต่ถึงจะมีที่เที่ยวแค่ที่เดียว แต่เป็นที่ที่สามารถทำให้เราเที่ยวได้ทั้งวันแน่ครับ เพราะมันกว้างใหญ่มาก มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวๆ สบายตามากครับ คนที่นี่จะปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ปลูกอ้อย ตามพื้นที่ภูเขา มันสวยมาก
-18.30 อาหารค่ำวันนี้เป็นเมนูที่ธรรมดาๆแต่รสชาติมันพิเศษมาก กินง่ายอยู่ง่ายครับ ลองมาดูๆ
-19.00 มืด และเงียบ ที่นี้มีเครื่องปั่นไฟเครื่องเดียวใช้ร่วมกันทั้งหมู่บ้านนะครับ
ดังนั้นแล้วที่นี่ตอนกลางคืนเลยไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ ทุกอย่างจะมืด และเงียบมากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆครับ สำหรับใครที่เผลอถ่ายรูปไปจนแบตหมดในตอนกลางวัน ความซวยจะมาเยือนท่านในตอนนี้ครับ ดังนั้นวางแผนการใช้ดีๆ ครับ
ถึงจะมืดมาก แต่จะมีแสงสว่างจากแสงเทียง แสงดาวบนฟ้า และแสงดาวบนดิน(แสงจากไฟฟ้าของชาวบ้านด้านล่างของแม่แจ่ม) ให้พอมองกันได้ครับ บรรยากาศดีนะเนี้ย มาคนเดียวรับรองเหงามาก มาสองสุดโรแมนติก
มาเป็นหมู่คณะจะจับกลุ่มคุยกันก็ได้อรรถรสดีครับ
ผมนอนไวครับเพราะใช้แบตหมดไปในช่วงเช้า กลางดึกได้ยินเสียงพื้นบ้านดังเอี๊ยดๆ ในใจตอนนั้น เอาแล้วๆๆๆ ขนนั้นลุกซู่เลย เลยตัดสินใจถือไฟฉายเดินส่องออกมาดู สิ่งที่เห็นคือหมามาคุ้ยเศษอาหารที่ผมกินเหลือไว้ในตอนเย็น ดังนั้นฝากคนที่จะไปด้วยนะครับว่าให้เก็บให้เรียบร้อย ไม่งั้นจะเจอแบบผม 555
วันที่ 4
-07.00 ตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น
-08.00 กินอาหารเช้า
-09.30 เช็คเอ้าออกจากที่พัก
-10.00 เจ้าของที่พักไปส่งผมที่ปากทางเข้าเหมือนตอนมาครับ เพราะผมตั้งใจจะโบกรถเหมือนตอนมา จริงๆจะให้ไปส่งในตัวแม่แจ่มก็ได้นะครับ แต่ถ้าใช้วิธีนี้ผมกลัวจะตกเครื่อง เพราะทางจะไกลกว่า เลยเสี่ยงกลับทางเดิมใช้วิธีเดิม
-11.00 มาถึงปากทางเข้า ผมก็เริ่มโบกรถ ก่อนโบกได้ยินเสียงรถมาแต่ไกล คิดว่ารถคันนี้ต้องเป็นเหยื่อของเรา 555 พอรถขับมาถึงระยะสายตาที่ผมมองเห็นชัด มือไม้ทั้งสองข้างของผมก็ยกขึ้นโบกสะบัดอย่างอัตโนมัติ พี่คนขับรถคันนั้นจอดแล้วถามว่าจะไปไหน
ผมทำหน้าตาใสซื่อ พร้อมกับตอบไปอย่างรวดเร็วว่าจะกลับ กทม. ครับ ขอติดรถไปลงที่จอมทองหน่อยครับ พี่คนขับรถก็เลยบอกว่า อ่อ งั้นเดี่ยวพี่ไปส่งที่ Airport เลย พอดีพี่จะเข้าเมืองเชียงใหม่พอดี โอ๊ยยยย สวรรค์ อะไรจะขนาดนั้น และด้วยความเป็นคนดีของพี่เขาเลยให้ผมนั่งหน้าด้วย แอร์เย็นได้อีก ขอบคุณมากๆครับ
-13.00 ถึงเมืองเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนด ผมเลยขอพี่เขาลงที่ Centra กินข้าว เดินซื้อของก่อนกลับ เพราะอีกนานเครื่องจะออก
-14.30 นั่งสองแถวไป Airport
-15.00 ถึง Airport เช็คอินผ่านเว็บเรียบร้อย
-15.50 เครื่องออก
-17.10 ถึงกทม (จบทริป)
ชอบทุ่งนาแบบเขียวๆ แนะนำมาช่วง สิงหาคม-กันยายน, ชอบทุ่งนาสีเหลืองทองแนะนำมาช่วง ตุลาคม ครับ
“นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง”
ขอบคุณรีวิวดี ๆ จากคุณ Kittisak Nisaikla Blogger พิเศษของทีมงาน Paapaii.com
ติดตามทุกเรื่องกิน-เที่ยวก่อนใครไปกับพวกเราได้ที่ www.paapaii.com, Facebook Fanpage : facebook.com/Paapaiii

หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว

Havilahs.com/Travel-01/TH

หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว


กะเหรี่ยงคอยาว เป็นชนกลุ่มน้อยมีถิ่นอาศัยอยู่ในประเทศพม่า เมื่อสมัยก่อนเกิดการสู้รบครั้งใหญ่ระหว่างกอง กำลังกะเหรี่ยงกับรัฐบาลทหารพม่า มีผลทำให้ประชากรกะเหรี่ยงคอยาวได้รับผลกระทบจึงพากันอพยพหนีภัย สงครามเข้ามาอาศัยตามตะเข็บ แนวชายแดน และบางส่วนได้เข้ามาอาศัยในเขตประเทศไทยในพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว สามารถเที่ยวชมได้ในหลายพื้นที ถึงแม้ว่าในปัจจุบันหมู่บ้าน กะเหรียงคอยาวจะแปรสภาพไป ตามสังคมที่เปลี่ยนไป ดูเป็นในลักษณะเชิงธุรกิจมากขึ้นไม่เป็นธรรมชาติของ ชุมชนและวิถีชีวิตดั้งเดิมเหมือนแต่ก่อน แต่ถึงอย่างไร กะเหรี่ยงคอยาว ยังถือว่าเป็นไฮไลท์ของ การท่องเที่ยว แม่ฮ่องสอน ที่ยังได้รับความนิยมแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่เปลี่ยนแปลง
1. บ้านห้วยเสือเฒ่า
เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่อยู่ใกล้เมืองมากที่สุด รถยนต์สามารถเข้าถึงจึงมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวชม กะเหรี่ยงคอยาวที่นี่เป็นจำนวนมาก กะเหรี่ยงคอยาวที่นี่จะมีประมาณ 20 หลังคาเรือน อพยพลี้ภัยสงครามเข้ามา อยู่ที่แม่ฮ่องสอนนานแล้ว ดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม ภายในหมู่นักท่องเที่ยวสามารถมาชมวิถีชีวิต และถ่ายรูปกับ กะเหรี่ยงคอยาวไดหากมาในช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ยังจะได้พูดคุยและถ่ายรูปกับเด็ก ๆ ชาวกระเหรี่ยงซึ่งแต่ ละคนหน้าตาน่ารักและช่างเจรจา ซึ่งวันธรรมดาเด็ก ๆ พวกนี้จะไปโรงเรียน นอกจากนี้บ้านแต่ละ หลังจะมีการนำ ของที่ระลึกมาขายให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นการสร้างรายได้ สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เล็ก ๆ น้อยราคาไม่แพงมาก
การเดินทาง
จากตัวเมืองไปทางอำเภอขุนยวมผ่านหน้าศาลากลาง ถึงแยกไฟแดงซ้ายมือจะมีป้อมตำรวจเล็ก ๆ ตรงมุมถนน ให้เลี้ยว

2. บ้านในสอย
เป็นกะเหรี่ยงคอยาวที่อพยพมาจากบ้านน้ำเพียงดิน บ้านในสอยเป็นชุมชนกะเหรี่ยงขนาดใหญ่พอๆ กับที่บ้านน้ำ เพียงดินมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่คล้ายกัน ตั้งบ้านเรือนอยู่ในหุบเขา มีลำห้วยไหลผ่าน
การเดินทาง จากแม่ฮ่องสอนให้มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอปางมะผ้าและอำเภอปาย ทางหลวงหมายเลข 1095พอไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 198 -199 จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านรักไทย จากนั้นให้เลี้ยวตามป้ายไป ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอสามแยกมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านในสอย ขับไปตามป้ายบอกทางไปเรื่อย ๆ ก็จะ ถึงหมู่บ้าน สภาพทางช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้ายจะเป็นถนนลูกรัง ต้องข้ามลำห้วย และขึ้นเนินค่อนข้างชัน ควรใช้ บริการรถเช่าเข้าชมหมู่บ้าน หากขับรถไปเอง รถโฟร์วีลก็ไม่มีปัญหาอะไรรถมอเตอร์ไซต์เข้าถึงได

3. บ้านน้ำเพียงดิน
เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกะเหรี่ยงได้ บ้านน้ำเพียงดินเป็นชุมชน ดั้งเดิมของกะเหรี่ยงคอยาวที่อพยบจากฝั่งประเทศพม่าเข้ามาอยู่ในไทย ก่อนที่จะแยกไปอยู่ที่บ้านน้ำเพียงดินและ บ้านในสอย ดังนั้นที่นี่จึงเป็นชุมชนที่ค่อนข้างใหญ่และเก่าแก่ และยังคงดำรงวิถีชีวิตแบบชาวกระเหรี่ยงดั้งเดิม อยู่มาก หมู่บ้านตั้งอยู่ริมน้ำปาย การไปชมกระเหรี่ยงคอยาวที่นี่จำเป็นจะต้องล่องเรือตามแม่น้ำปายเข้าไปตลอด สองฝั่งน้ำที่ ล่องไปงดงามด้วยวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติทุ่งนาและป่าเขา เรือจะพาไปจอดเที่ยวภายในหมู่บ้าน ซึ่ง นักท่องเที่ยว สามารถเดินชมภายในหมู่บ้านได้ สามารถพูดคุยและถ่ายรูปกับกะเหรี่ยงคอยาว นอกจากนี้ภายใน หมู่บ้านยังมีของฝากของที่ระลึกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย การล่องเรือทั้งไปและกลับใช้เวลาประมาณ 
1-2 ชั่วโมง
การเดินทาง จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเลี้ยวขวาตรงโรงแรมธาราแม่ฮ่องสอนตามเส้นทางไปโป่งแดงประมาณ 14 กิโลเมตร ก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำปายให้แยกซ้ายไปตามแม่น้ำจะเห็นเรือหางยาวไว้บริการไปบ้านน้ำเพียงดิน หรือจะขับรถไปสุดทางเพื่อลงเรือที่บ้านห้วยเดื่อก็ได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารเหมา ลำ ประมาณ 500 บาท นั่งได้ 8 คน ติดต่อท่าเรือบ้านห้วยเดื่อ โทร. 0 5361 3160
















ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ที่เที่ยวตาก ที่เที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนจังหวัดตาก เมืองไม้และป่างาม .... ธรรมชาติน่ายล

Havilahs.com/Travel-01/TH


ที่เที่ยวตาก  ที่เที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนจังหวัดตาก เมืองไม้และป่างาม ....

 ธรรมชาติน่าย